วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วัฒนธรรมประเทศจีน



           ประเทศจีนมีมานานถึง 5 พันปี วัฒนธรรมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชาวจีนก็มีมายาวนานไม่แพ้กัน ซึ่งในระยะเวลา 5 พันปีมานั้น  ชาวจีนได้รับอิทธิพลเครื่องแต่งกายจากชนกลุ่มน้อย เผ่าต่าง ๆ ในประเทศจีน  รวมถึงวัฒนธรรมการแต่งกายเสื้อผ้าของชาวต่างชาติ ผสมผสานกันจนเป็นลักษณะพิเศษของการแต่งกายชาวจีนในยุคนั้น ๆ ซึ่งการแต่งกายของชาวจีนนั้นมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าจะมีการพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
          วัฒนธรรมจีนการเรียกชื่อสกุลของชาวจีนตรงกันข้ามกับภาษาไทย คือเรียกต้นด้วยชื่อสกุล ชื่อตัวใช้เรียกกันในหมู่ญาติ และเพื่อนสนิท โดยปกติชาวจีนมักไม่ทักทาย ด้วยการจับมือหรือจูบเพื่อร่ำลา
           สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ ชาวจีนมีเครือข่ายคนรู้จัก ( เหมือนกับการมีเส้นสายในไทย ) กล่าวกันว่าชาวจีนที่ไร้เครือข่ายคนรู้จัก เป็นผู้ที่เป็นจีนเพียงครึ่งเดียว จึงจำเป็นต้องทำความรู้จักกับผู้คนชาวต่างชาติ ซึ่งทำธุรกิจในประเทศจีน ดังนั้นควรให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมนี้ด้วยการเชื้อเชิญ
            ภาษาแมนดารินเป็นภาษาราชการ และมีภาษาท้องถิ่นอีกจำนวนมาก เช่น ภาษากวางตุ้ง แต้จิ๋ว เซี่ยงไฮ้ แคะ ฮกเกี้ยน เสฉวน หูหนาน ไหหลำ เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้อักษรจีนแบบย่อ (Simplified Chinese) มีอักษรทั้งหมด 56,000 ตัว ใช้ประจำ 6,763 ตัว ถ้ารู้เพียง 3,000 ตัว ก็อ่านหนังสือพิมพ์และทั่วไปได้
วันหยุดของประเทศจีน

1 มกราคม : วันขึ้นปีใหม่

กุมภาพันธ์ : วันตรุษจีน ( กำหนดวันในแต่ละปีไม่ตรงกัน )

8 มีนาคม : วันสตรีสากล

1 พฤษภาคม : วันแรงงานสากล

4 พฤษภาคม : วันเยาวชน

1 มิถุนายน : วันเด็ก

1 กรกฎาคม : วันก่อตั้งพรรคคอมมินิสต์

1 สิงหาคม : วันก่อตั้งกองทัพปลดปล่อยประชาชน

1 ตุลาคม : วันชาติ (สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับการสถาปนาขึ้นเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ภายหลังจากที่พรรคคอมมิวนิสต์ จีนมีชัยชนะในสงครามกลางเมืองเหนือพรรคก๊กหมินตั๋ง)
อาหารจีน  
          ศิลปะและมาตรฐานการปรุงอาหารจีนจัดว่ามีชื่อเสียงในระดับโลก จากการรวบรวมข้อมูลพบว่าอาหารจีนมีมากกว่าหมื่นชนิดและมีวิธีการปรุงอาหารมีมากกว่า 40 วิธีตลอดระยะเวลาอันยาวนานของประวัติศาสตร์จีน อาหารในภูมิภาคต่างๆ ก็ค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นอาหารประจำท้องถิ่นที่มีรสชาติเฉพาะตัว อาหารประจำท้องถิ่นที่โดดเด่นมีอยู่ กลุ่มด้วยกัน คือ อาหารซานตง อาหารเสฉวน อาหารกวางตุ้ง อาหารเจียงซู อาหารเจ้อเจียง อาหารฮกเกี้ยน อาหารหูหนานและอาหารอานฮุน อาหารจีนในกลุ่มอาหารท้องถิ่นทั้ง ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ เป่ยจิงข่าวยา(เป็ดปักกิ่ง) ฝัวเที่ยวเฉียง(พระกระโดดกำแพง) กงเป่าจีติง(ไก่ผัดเผ็ด) โค่วโจ่วจึ(ขาหมูนึ่งซีอิ๊ว) หลงจิ่งซยาเหริน(ผัดกุ้งแช่ชาหลงจิ่ง) หมาผอโต้วฝุ(ผัดเผ็ดเต้าหู้คุณยาย) ซีหูชู่อี๋ว์(ปลาซีหูเปรี้ยวหวาน) ซยาเหรินหนิวหลิ่ว(ผัดกุ้งกับเนื้อวัวแผ่น)และซ่วนโร่วหั่วกัว(เนื้อจิ้มจุ่มหม้อไฟ) เป็นต้น
   "เจี่ยวจือ" หรือเกี๊ยวเป็นอาหารที่มีความเป็นมากว่าพันปี เกี๊ยวเป็นอาหารที่คนจีนนิยมรับประทานกันมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลตรุษจีน การรับประทานเกี๊ยวในเทศกาลตรุษจีนถือเป็นประเพณีปฏิบัติในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีน


     "หยวนเซียว" หรือบัวลอยสอดไส้แบบจีนมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ทังหยวน" หยวนเซียวเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว โดยนำแป้งข้าวเหนียวมาปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วสอดไส้หวานไว้ข้างใน เนื่องจากหยวนเซียวมีรูปร่างเหมือนพระจันทร์ ทั้งการดื่มน้ำของขนมหยวนเซียวร้อนๆ ยังเป็นการคลายความหนาวได้อีกทางหนึ่ง ดังนั้นหยวนเซียวจึงถือเป็นขนมประจำเทศกาลหยวนเซียวซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือนอ้าย และเป็นสัญลักษณ์แทนความหมายของคำว่า "ถวนหยวน" ซึ่งหมายถึงการกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน

ตะเกียบ
      ไคว่จึ หรือ ตะเกียบนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าอย่างหนึ่งของจีน ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ในการรับประทานอาหารที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในระดับโลก ตะเกียบได้รับการขนานนามจากชาวตะวันตกว่าเป็น "อารยธรรมของโลกตะวันออก" คนจีนเริ่มใช้ตะเกียบตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซางหรือนานกว่า 3,000 ปีมาแล้ว ในยุคก่อนราชวงศ์ฉิน ตะเกียบมีชื่อเรียกว่า "" (jiāจยา) ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่นเรียกตะเกียบว่า "" (zhù, จู้) แต่เนื่องจากคนจีนสมัยโบราณเชื่อถือเรื่องโชคลาง จึงถือว่าคำว่า "จู้" ซึ่งไปพ้องเสียงกับคำว่า "" (zhù, จู้) ที่หมายถึง หยุด มีความหมายไม่เป็นมงคล ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเรียกว่า "" (kuài, ไคว่) ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า "เร็ว" แทน และนี่ก็คือที่มาของชื่อเรียกของตะเกียบในภาษาจีน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น